More products
เคาหยก
อาหารคาว
$
$
เคาหยก หรือบางพื้นที่ในจังหวัดตรังอาจเรียกว่า เกาหยุก หรือ เกาหยก หรือ โกยุก แต่จริงแล้ว เป็นอาหารชนิดเดียวกัน ซึ่งเคาหยกเป็นอาหารที่ได้รับวัฒนธรรมจากจีน เป็นอาหารที่มีชื่อเสียงของ หูหนานและกวางตุ้ง โดยแปลตรงตัวว่า เนื้อคว่ำ และตรงกับภาษาจีนกลางว่า “โควโร่ว” โดยเคาหยกที่ พบเห็นในประเทศไทย มีด้วยกัน 2 รูปแบบ รูปแบบแรกเป็นเคาหยกที่ทำจากหมูสามชั้นหั่นเป็นชิ้นเดี่ยวกับเครื่องปรุงและเสิร์ฟพร้อมกับผักกาดดองเค็ม (ใช่กัว) ที่นำไปตุ๋นกับเครื่องปรุงต่าง ๆ เวลาเสิร์ฟหมูจะถูกวางเรียงใส่ชามปิดด้านบนด้วยผักกาดดองเค็ม แล้วคว่ำใส่จานที่ใช้สำหรับเสิร์ฟทำให้มองเห็นว่ามีหมูวางเรียงอยู่บนผักกาด รูปแบบที่ 2 เป็นหมูสามชั้นเคี่ยวกับเผือกโดยมีเครื่องปรุงหลักเป็นเต้าหู้ยี้ เวลาเสิร์ฟจะเรียงหมูและเผือกสลับกันใส่ชามจนเต็มราดด้วยน้ำซอสที่เคี่ยวจนเข้มข้น หลังจากนั้นจึงคว่ำในจานที่จะใช้จัดเสิร์ฟ ซึ่งรูปแบบที่ 2 เป็นรูปแบบที่นิยมทำกันในจังหวัดตรัง และอำเภอเบตง จังหวัดยะลา สำหรับในจังหวัดตรังเคาหยกนิยมใช้ในงานเลี้ยงต่าง ๆ ของคนไทยเชื้อสายจีน ไม่ว่าจะเป็นงานแต่งหรือ งานศพ หากงานใดมีเคาหยกขึ้นสำรับจะเป็นการบ่งบอกถึงความร่ำรวยของเจ้าภาพ ทั้งนี้กรมส่งเสริมวัฒนธรรมได้ประกาศให้เคาหยกเป็นเมนูที่ได้รับการคัดเลือก 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่นของจังหวัด ตรัง ประจำปี 2566 ภายใต้โครงการการส่งเสริมและพัฒนายกระดับอาหารถิ่นสู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทย (Thailand Best Local Food) รสชาดที่หายไป The Lost Taste ทำให้เคาหยกกลายเป็นเมนูที่เมื่อใครมาเยือนเมืองตรังต้องตามหามาชิมกัน
ลักษณะของเคาหยก
เคาหยกเป็นอาหารประเภทแกงน้ำขลุกขลิก น้ำแกงมีสีน้ำตาลอมส้ม ข้นเล็กน้อย เนื้อหมูส่วน หนังมีความฟูและติดกับตัวเนื้อ เผือกสุกแต่ไม่เละ อาจมีเห็ดหอมเพื่อเพิ่มเนื้อสัมผัส รสชาติเค็มนํา ตาม ด้วยหวาน กลมกล่อม มีกลิ่นเครื่องเทศและเต้าหู้ยี้เล็กน้อย
วิธีการรับประทาน
เคาหยกนิยมรับประทานเป็นกับข้าว เนื่องจากมีรสชาติที่เข้มข้น โดยจะจัดขึ้นสำรับให้ รับประทานคู่กับเมนูอื่น ๆ เช่น แกงจืด แกงส้ม แกงกะทิ ผัด และเครื่องจิ้ม ขึ้นอยู่กับเจ้าภาพจะกำหนด ว่าเป็นเมนูอะไรบ้าง
เคาหยกกับงานเทศกาลและประเพณีต่าง ๆ
เคาหยกนิยมใช้ในงานเลี้ยงต่าง ๆ ของคนไทยเชื้อสายจีน หากงานใดเลี้ยงเคาหยกจะบ่งบอกถึงความร่ำรวยของเจ้าภาพเนื่องจากมีหมูเป็นส่วนประกอบหลักและมีขั้นตอนการทำค่อนข้างนาน แต่เคาหยกที่เลี้ยงในงานจะมีความแตกต่างจากเคาหยกในตำรับที่ปรากฏในหนังสือเล่มนี้ เนื่องจากต้องผลิตในปริมาณมากจึงอาจไม่ได้มีการสักหนังหมู โดยในงานศพนิยมเลี้ยงกันในวันสุดท้ายก่อนวันเผา แต่บาง งานก็อาจเลี้ยงวันอื่น ๆ ตามความสะดวกของเจ้าภาพ หากเป็นงานแต่งก็จัดเลี้ยงกันบนสำรับคู่กับเมนูอื่น ๆ ตามปกติ
____________________________
ข้อมูลโดย ทิพย์พิกา ธรฤทธิ์
Left
Right
Made on
Tilda